ประวัติประเทศเกาหลี

ชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศ : ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี หรือโดยทั่วไปเรียกว่าประเทศเกาหลี
สภาพทางภูมิศาสตร์ (สถานที่ตั้งและพื้นที่)
  • ประเทศเกาหลีใต้ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเกาหลีของทวีปเอเชีย มีอาณาเขต 100,188.1 ตร.กม.หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของพื้นที่คาบสมุทรทั้งหมด
    ที่มีขนาด221,000ตร.กมพื้นที่ทั้งหมดประกอบด้วยคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมดรวมถึงเกาะที่อยู่ภายใต้การยึดครองของทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ด้วย คาบสมุทรเกาหลีมีขนาดใหญ่กว่า ประเทศกัมพููชาเล็กน้อย (181,035 ตร.กม) มีขนาดประมาณ 2 ใน 3ของฟิลิปปินส์(300,000 ตร.กม) เวียดนาม (331,210 ตร.กม) และญี่ปุ่น (377,915 ตร.กม) คาบสมุทรเกาหลีเป็นที่ตั้งของเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ มีชายแดนติดกับจีนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยมีแม่น้ำอัมม็อกกางเป็นเส้นเขตแดน รวมทั้งติดกับจีนและรัสเซียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแม่น้ำดูมางกางเป็นเส้นเขตแดน สามด้านของคาบสมุทรติดกับทะเล ซึ่งประกอบด้วยทะเลเหลืองทางตะวันตก ทะเลตะวันออกทางตะวันออก และทะเลใต้ทางตอนใต้ พื้นที่ทางใต้และทางตะวันตกของเกาหลีเป็นที่ราบในขณะที่บริเวณภาคตะวันออกและตอนเหนือเป็นภูเขา ซึ่งภูเขาที่สูงที่สุดของเกาหลีคือภูเขา เบียกดู (2,744 ม.) ภูเขาแกมากูวอน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาหลีได้ชื่อว่าเป็น "หลังคาของเกาหลี" ส่วนเทือกเขาแทเบียก ซึ่งอยู่บริเวณฝังตะวันออกมีชื่อว่าภูเขาเบียกดูแกกันเกะ ที่มีชื่อเสียงมากที่ สุดของเกาหลีประกอบด้วย เกาะเจจู เกาะเกียวเจ เกาะจิน และเกาะอุลรึงโด โดยที่เกาะเจจูและ เกาะอุลรึงโดเกิดจากกิจกรรมของภูเขาไฟ สำหรับฝั่งทะเลทางตะวันออกและตอนใต้ของเกาหลีเนั้นเป็นชายหาด ฝั่งเว้าแหว่งจะมีการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลขนาดใหญ่
    (แหล่งข้อมูล: กระทรวงแผ่นดิน โครงสร้างพื้นฐาน และขนส่ง)

    ธงชาติ (แทกุกกี)
  • ธงชาติของเกาหลีมีชื่อว่า "แทกุกกี" โดยมีสีขาวเป็นพื้นหลัง มีสัญลักษณ์หยินหยางอยู่ตรงกลาง โดยมีสัญลักษณ์ "จีออน" "กอง" "กาม" และ "ลิ"ตรงบริเวณมุมทั้งสี่
    พื้นหลังสีขาวของแทกุกกีเป็นตัวแทนของความสว่างและความบริสุทธิ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของคนเกาหลีที่มีธรรมเนียมรักสงบ ส่วนรูปแบบหยินหยางที่อยู่ตรงกลางเป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียวระหว่าง "หยิน" (สีน้ำเงิน) และ "หยาง" (สีแดง) เพื่อบ่งบอกถึงสัจธรรมที่ว่าธรรมชาติเป็นผู้ สร้างและพัฒนาทุกสรรพสิ่งในจักรวาลจาก การผสมผสานระหว่างหยินและหยาง สัญลักษณ์ทั้ง4ที่อยู่ในแต่ละมุมถือเป็นตัวแทน ภาพของหยินและหยาง การเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาซึ่งกันและกัน "จีออน" เป็นตัวแทนของ "สวรรค์" รวมทั้งทุกสรรพสิ่งในจักรวาล "กอน" เป็นตัวแทนของ "โลก" "กาม" เป็นตัวแทนของ "น้ำ" และ "ลิ" เป็นตัวแทนของ "ไฟ" สัญลักษณ์ทั้งสี่นี้ดำรงอยู่ร่วมกันและกลม เกลียวกับหยินหยางที่อยู่ตรงกลาง แทกุกกีซึ่งใช้สัญลักษณ์โปรดของบรรพบุรุษอย่างหยินหยาง ที่อยู่ตรงกลางเพื่อสะท้อนถึงอุดมคติ ของชาวเกาหลี ที่ต้องการสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุดร่วมกับจักรวาล
    (แหล่งข้อมูล : กระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัย)
    คำอธิบาย: แทกุก

    ดอกไม้ประจำชาติ (มูกุงฮวา)

    คำอธิบาย: มูกุงฮวา

  • ดอกไม้ประจำชาติของเกาหลีคือ มูกุงฮวาซึ่งเป็นที่ชื่นชมของคนเกาหลีมาช้านานแล้ว ดอกไม้นี้เป็นตัวแทนของเกาหลี รวมทั้งยังหมายความว่า
    "ดอกไม้ที่เบ่งบานชั่วนิรันดร์กาล" บันทึกโบราณระบุว่าชาวเกาหลีมองว่ามูกุงฮวาคือดอกไม้จากสวรรค์ตั้งแต่ ยุคโกโจซอน ชาวชิลลาเรียก ตนเองว่าเกวนฮวาหยาง ซึ่งหมายถึงชาติแห่งมูกุงฮวา นับตั้งแต่โบราณจีนยกย่องเกาหลีว่าเป็น "ชาติแห่งผู้สูงศักดิ์ ที่ดอกมูกุงฮวาเบ่งบานและ ร่วงโรย" มูกุงฮวาอยู่คู่กับคนเกาหลีมาช้านาน และความรักในดอกไม้ชนิดนี้ก็ปรากฏอยู่ในเพลงชาติที่มีเนื้อร้องท่อนที่บอกว่า "สายน้ำและภูเขาที่รุ่งโรจน์ผ่านถนนสายมูกุงฮวาที่ไม่มีที่สิ้นสุด" ในช่วงปลายยุคโจซอนชาวเกาหลีชื่นชมมูกุงฮวามาก ตลอดจนถึงยุคที่อยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น และกลายเป็นดอกไม้ ประจำชาติหลังได้รับอิสรภาพ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมูกุงฮวาคือ Hibiscus syriacus L. ซึ่งจะหมายถึงดอกไม้แสนสวยที่คล้ายคลึงกับ ดอกไฮบิสที่เป็นเทพีของอียิปต์ ชื่อภาษาอังกฤษของดอกไม้นี้คือ "กุหลาบแห่งชารอน" ซึ่งหมายถึง ดอกไม้ที่สวยงามที่เบ่งบานเหมือนกุหลาบบนดินแดนที่พระเจ้าอวยพร มูกุงฮวาเติบโตในพื้นที่อย่าง เกาหลี ใจกลางของจีน อินเดียทางตอนเหนือ ญี่ปุ่น ฯลฯ มีการผลัดใบในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สูงประมาณ 3-4 เมตร และมีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม มูกุงฮวาบานตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี และมี ดอกมูกุงฮวาที่งดงามหลากประเภทในแง่ของสีสันและรูปทรง ดอกจะบานตอนเช้าและร่วงโรยในช่วง กลางวัน แต่มีดอกไม้บานทุกวันติดต่อกัน 100 วัน (แหล่งข้อมูล : กระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัย)

    เครื่องแต่งกายประจำชาติ
  • ครื่องแต่งกายของชาวเกาหลีใต้ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อเรียกว่า“ฮันบก” ซึ่งหากแยกคำ “ฮัน” จะหมายถึง ชาวฮั่นหรือชาวเกาหลี และ “บก”หมายถึงชุดความหมายรวมจึงเป็น “ชุดของชาวเกาหลี” นั่นเองความงามและความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมเกาหลี มักถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทาง ภาพถ่ายของสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายฮันบกนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ชุดฮันบกจะเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของประเทศเกาหลี เครื่องแต่งกายทั้งของผู้หญิงและผู้ชายจะมีลักษณะหลวมเพื่อความสะดวกสบายในการเคลื่อนไหวและเสื้อผ้าจะใช้ผ้าผูกแทนกระดุมหรือตะขอ โดยส่วนประกอบของชุดฮันบก

    ชุดผู้หญิง
    แพนที = กระโปรงชั้นใน
    ซ็อกชีมา = แถบผ้าขนาดใหญ่ ใช้มัดทรวงอกแทนเสื้อยกทรง
    ชีมา = กระโปรงชั้นนอก ยาวคลุมเท้า
    จอโกรี = เสื้อนอกแขนยาว


    ชุดผู้ชาย
    ปันซือ / แพนที = กางเกงชั้นใน
    พาจี = กางเกงขายาวชั้นนอก รวบปลายขาด้วย แทมิน
    แทมิน = แถบผ้าใช้มัดขากางเกง
    บันโซเม = เสื้อรัดรูปแขนสั้นใส่ข้างใน
    จอโกรี = เสื้อนอกแขนยาวไม่มีปก ไม่มีกระเป๋า
  • การผลิตชุดฮันบก มีประเภทเนื้อผ้าที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับโอกาสและวัยของ ผู้สวมใส่ โดยเด็กผู้หญิงหรือหญิงสาว (ที่ยังไม่แต่งงาน) จะสวมเสื้อสีเหลือง กระโปรงสีแดง และจะเปลี่ยนเป็นเสื้อสีเขียว กระโปรงสีแดงเมื่อแต่งงานแล้ว นอกจากนี้ ชาวเกาหลียังคำนึงถึงความเหมาะสมของเนื้อผ้ากับสภาพอากาศประเทศของตนอีกด้วย โดยในฤดูหนาวจะใช้ผ้าฝ้ายและสวมกางเกงขายาวที่มีสายรัดข้อเท้า ช่วยในการเก็บความร้อนของร่างกายส่วนในฤดูร้อนจะใช้ผ้าป่านลงแป้งแข็ง ซึ่งช่วยในการดูดซับและแผ่ระบายความร้อนในร่างกายได้ดี ในปัจจุบันการสวมชุดประจำชาติฮันบก จะใช้เฉพาะในโอกาสพิเศษต่างๆเท่านั้น เช่น งานมงคลสมรส, ซอลนัล (วันขึ้นปีใหม่ของเกาหลี) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) แต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุก็ยังคงสวมใส่ชุดฮันบกกันอยู่

  •  
    website counter widget
     

     

     

    เว็บไซต์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา โครงการ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ครูที่ปรึกษา ครูสุดฤดี ประทุมชาติ ปีการศึกษา 2561